ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it.

วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท.

  • กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น.

All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food.

ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด.

  • เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน.


However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food.
ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน-ทึด อะราวด์ เดอะ ฟอเรสท์ แอท ออล ไทม์ แอนด์ คิว-วึด แอนนิมอล ฟอร์ ฟู๊ด. 
  • อย่างไรก็ตาม, มันก็มีข้อยกเว้นอยู่ข้อหนึ่ง, นั้นคือ เจ้าป่า- เจ้าสิงโตผู้ชั่วร้าย. เจ้าสิงโตออกล่าหาอาหารอยู่ตลอดเวลา มันกินสัตว์อื่นๆ เป็นอาหารนั้นเอง.

One day, the animals could not take it anymore. So they got together for a meeting. "It is unbearable! He is killing so many of us, that one day this forest will not have any animals," said the bear.
วันเดย์, เดอะ แอนนิมอล คู๊ด น็อท เทค อิท แอนนีมอล. โซ เดย์ ก็อท ทูเก็ทเตอร์ ฟอร์ อะ มีทติ่ง. “อิท อีส อันแบรราเบิ้ล! ฮี อีส คิวลิ่ง โซ แมนี่ ออฟ อัส, แดท วัน เดย์ ดิส ฟอเรสท์ วิว น็อท แฮฟ เอนี่ แอนนิมอล,” เซด เดอะ แบร.

  • อยู่มาวันหนึ่ง, เหล่าสัตว์ทั้งหลายก็ไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไปแล้ว. ดังนั้น เหล่าสัตว์น้อยใหญ่จึงมาร่วมชุมนุมกัน. “มันสุดจะทนแล้วน่ะ! เจ้าสิงโตมันไล่ล่าและฆ่าพวกเรามากเกินไปแล้ว, และในวันหนึ่ง ในป่าแห่งนี้ ก็จะไม่หลงเหลือสัตว์ใดๆ เลย,” เจ้าหมีกล่าว.
So, all the animals under the leadership of the elephant decided to approach the king “Your majesty! You are killing so many of us throughout the day, when you need only one for food." said the elephant.
โซ, ออล เดอะ แอนนิมอล อันเดอร์ เดอะ ลีดเดอร์ซิพ ออฟ ดิ แอลเล็ฟเฟ็นท์ ดีซาย-ดึด ทู แอฟพรอซ เดอะ คิง “ยัวร์ ม๊าเจ็สตี้! ยู อาร์ คิวลิ่ง โซ เมนี่ ออฟ อัส โธวเอ๊าซ์ เดอะเดย์, เว็น ยู นีด โอนลี่ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. ”เซด์ ดิ แอลเล็ฟเฟ็นท์.
  • เมื่อเป็นเช่นนั้น, เหล่าสัตว์ทั้งหลายภายใต้แกนนำของเจ้าช้าง จึงได้ตัดสินใจไปเจรจากับเจ้าสิงโต “ข้าแต่พระบาท! ในแต่ละวัน ท่านได้ฆ่าพวกเราไปเยอะมากมาย, ซึ่งในความเป็นจริงแล้ว ท่านต้องการสัตว์มาเป็นอาหาร แค่วันละตัวเท่านั้น.” เจ้าช้างกล่าว. 

"We suggest you kill only one of us each day, said the wily fox.
”วี ซักเกสท์ ยู คิว โอนลี่ วัน ออฟ อัส อีช เดย์, เซด์ เดอะ ไวลี่ ฟอค์ซ.
  • เจ้าหมาป่าเจ้าเล่ห์พูดเสริมมาว่า “เราอยากให้ท่านฆ่าสัตว์เพียงวันล่ะตัวเท่านั้น.” 

The lion thought for a few minutes and said, "Fine! One of you will come up to me each day as food. The day you do not turn up, I will kill all of you." The animals agreed.
เดอะ ไลออน ธอท ฟอร์ อะ ฟิว มินิท แอนด์ เซดู, “ฟายน์! วัน ออฟ ยู วิว คัม อัพ ทู มี อีช เดย์ แอส ฟู๊ด. เดอะ เดย์ ยู ดู น็อท เทิร์น อัพ, ไอ วิว คิว ออล ออฟ ยู.” เดอะ แอนนิมอล อะกรีด.
  • เจ้าสิงโตครุ่นคิดอยู่ชั่วขณะหนึ่ง แล้วพูดขึ้นมาว่า, “ก็ได้ๆ! แต่ในแต่ละวัน พวกเจ้าตัวใดตัวนึงต้องมาเป็นอาหารข้า. วันไหนก็ตามที่ไม่มีใครมาเป็นอาหารของข้า, ข้าจะไล่ฆ่าพวกเจ้าทั้งหมด.” เหล่าสัตว์น้อยใหญ่ต่างยินยอมในข้อตกลงนี้. 

From that day, one animal would leave his family to go to the lion as food. This went on for many days, till one morning it was hare‘s turn to go to the king 

ฟร์อม แดท เดย์, วัน แอนนิมอล วู๊ด ลีฟ ฮีส แฟมมิลี่ลี่ ทู โก ทู เดอะ ไลออน แอส ฟู๊ด. ดิส เว็น ฟอร์ เมนี่ เดย์, ทิว วัน มอนิ่ง อิท วอส แฮร์ เทิร์น ทู โก ทู เดอะ คิง.

  • หลังจากวันนั้น, จะมีสัตว์หนึ่งตัว ที่ต้องจากครอบครัวของมัน เพื่อไปเป็นอาหารของสิงโตจอมตะกละ. เหตุการณ์นี้วนเวียนไปมาอยู่หลายวัน, จนกระทั่ง ในเช้าวันหนึ่ง มันเป็นคิวของเจ้ากระต่ายป่าที่ต้องไปเป็นอาหารของเจ้าป่าสิงโตจอมตะกละ.

The intelligent hare was walking to the lion's den, when he saw a well on the way. Suddenly, a bright thought struck him, and he almost ran to the den. 
เดอะ อินเทลลิเจ็น แฮร์ วอส วอคคิ่ง ทู เดอะ ไลออน เด็น, เวน ฮี ซอว อะ แวล ออน เดอะ เวย์. ชัดเดนลี่, อะ ไปร์ท ธอท สทรัค ฮิม, แอนด์ ฮี ออลโมสท์ แรน ทู เดอะ เด็น.
  • เจ้ากระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด กำลังเดินทางไปที่ถ้ำของสิงโต, เมื่อมันได้เห็นบ่อน้ำ ในระหว่างทางเดินไปนั้น. มันก็เกิดปิ้งไอเดียขึ้นมาทันที, เจ้ากระต่ายป่าอดใจไม่ไหว มันแทบจะวิ่งไปที่ถ้ำของเจ้าสิงโตเลยทีเดียว.

Seeing him, the lion roared and said, "I was wondering where you were!" The hare replied, "Master, I was on my way to your den.
ซียิ่ง ฮิม, เดอะ ไลออน รอร์-ดึด แอนด์ เซด์, “ไอ วอส วันเอดริง แวร์ ยู เวอร์!” เดอะ แฮร์ รีพาย-ดึด, “มาสเตอร์, ไอ วอส ออน ยัวร์ เวย์ ทู ยัวร์ เด็น. 
  • เมื่อมันมาถึงถ้ำ, เจ้าสิงโตก็ขู่คำรามอย่างน่ากลัวและพูดขึ้นว่า,“ข้ารอเจ้าอยู่นานแล้วน่ะ เจ้าหายไปใหนมา!” เจ้ากระต่ายป่าตอบว่า “นายท่าน, ระหว่างทางที่ข้าเดินมายังถ้ำของท่าน.

But on my way, we were stopped by another lion who said he was the king of the jungle. He called you a fake and wanted you to fight him to prove your supremacy.
บัท ออน มาย เวย์, วี เวอ สต็อบ-พึด บาย อะนอทเตอร์ ไลออน ฮู เซด์ ฮี วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล. ฮี คอล-ดึด ยู อะ เฟค แอนด์ วอน-ทิด ยู ทู ไฟท์ ฮิม ทู พรูฟว์ ยัวร์ ซิวพเรมมะซี. 
  • ในตอนนั้น, พวกเราได้ถูกสิงโตตัวหนึ่งขวางทางไว้ เจ้าสิงโตตัวนั้นมันบอกว่า มันเป็นสิงโตเจ้าป่าที่แท้จริง, ส่วนท่านนั้นเป็นตัวปลอม และมันต้องการจะต่อสู้กับท่าน เพื่อแย่งชิงอำนาจความยิ่งใหญ่จากท่านด้วย.

The lion was livid with rage. He said, "Bring him here and I will teach him a lesson." But the hare craftily persuaded him to go to the place where the other lion lived.
เดอะ ไลออน วอส ลิฟวิด วิธ เรจ. ฮี เซด, “ บริง ฮิม เฮีย แอนด์ ไอ วิล ทีช ฮิม อะ เลสชั่น. “บัท เดอะ แฮร์ คราฟทิลี่ เพอสเวด ฮิม ทู โก ทู เดอะ เพลซ แวร์ เดอะ อัธเธอร์ ไลออน ลีฟ-ดึด.
  • ได้ฟังอย่างนั้น เจ้าสิงโตก็โกรธเดือดดาลเป็นฟืนเป็นไฟ. มันพูดขึ้นว่า,“ไปเอาตัวมันมา ข้าจะสั่งสอนมันเอง.” เจ้ากระต่ายต้องพูดหว่านล้อมอยู่นาน กว่าเจ้าสิงโตจอมตะกละจะยอมไปที่ ที่เจ้าสิงโตอีกตัวอาศัยอยู่.
He guided the lion to the well and asked him to look inside. The foolish lion looked at his own reflection and thinking.
ฮี ไกด์-ดึด เดอะ ไลออน ทู เดอะ แวล แอนด์ อ๊าค-คึด ฮิม ทู ลุ๊ค อินซายด์. เดอะ ฟูลลิส ไลออน ลุ๊ค-คึด แอท ฮีส โอน รีเฟลคชั่น แอนด์ ธิงคิ่ง. 
  • เจ้ากระต่ายได้นำทางเจ้าสิงโตจอมตะกละมาจนถึงบ่อน้ำ และบอกให้มันมองลงไปในบ่อน้ำนั้น. เจ้าสิงโตจอมตะกละผู้โง่เขลามองลงไปในบ่อน้ำ มันได้เจอเงาสะท้อนของตัวมันเอง และครุ่นคิดสักพัก.
It was his competitor, jumped inside, and that was his end. All the animals rejoiced at the intelligence of the hare.
อิท วอส ฮีส คอมเพททิเทอร์, จั๊ม-พึด อินซายด์, แอนด์ แธท วอส ฮีส เอ็น. ออล เดอะ แอนนิมอล รีจ๊อยด์ แอท เดอะ อินเทลลิเจ๊นซ์ ออฟ เดอเ แฮร์. 
  • หลังจากนั้น เจ้าสิงโตก็กระโดดลงไปในบ่อน้ำด้วยตัวของมันเอง, และนี่ก็คือจุดจบของเจ้าสิงโตจอมตะกละนั้นเอง. เหล่าสัตว์ป่าน้อยใหญ่ต่างชื่นชมและยินดีในความฉลาดหลักแหลมของเจ้ากระต่ายป่า.

MORAL: Intelligent is superior then physical strength.

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า: ความเฉลียวฉลาดล้ำเลิศกว่าร่างกายที่แข็งแกร่ง. 

ขอขอบคุณเนื้อหานิทานภาษาอังกฤษและภาพประกอบสวยๆ จาก: เว็ปไซต์ Bed time story. ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)

Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year. ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์. กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่. The oldest son, Barty, was very tall and very thin.  The middle son, Otis, was very fat and lazy.  That night he heard a scream and ran from the field. เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน....

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...