ข้ามไปที่เนื้อหาหลัก

นิทานเรื่อง “เจ้าหญิงบนยอดเขาแก้ว” (The Princess On The Glass hill)


Long, long time ago, there lived a farmer who had three sons and forty acres of fields. But every year
on mid-summers, every last plant on his land was eaten. The farmer sent his three sons out to guard the field the next year.
ลอง, ลอง ไทม์ อะโก, แธร์ ลิฟ-ดึด อะ ฟาร์มเมอ ฮู แฮด ตรี ซัน แอนด์ ฟอร์ตี้ เอเคอร์ ออฟ ฟิล์ด. บัท เอเวอรี่ เยียร์ ออน มิด-ซัมเมอร์, เอเวอรี่ ลาสท์ แพลนท์ ออน ฮีส แลนด์ วอส อีท-ทีน. เดอะ ฟาร์มเมอ เซนท์ ฮีส ตรี ซัน เอาซ์ ทู การ์ด เดอะ ฟิล์ด เดอะ เน็ทซ์ เยียร์.
  • กาลครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว, ชาวนาคนหนึ่ง เค้ามีลูกชายอยู่ด้วยกันสามคน และชาวนามีที่ทำกินสี่สิบเอเคอร์ (ประมาณร้อยกว่าไร่). แต่เมื่อเข้าสู่ช่วงกลางฤดูร้อนของทุกๆ ปี, ผลผลิตในไร่ของเค้าก็มักจะถูกทำลายเสียหายเรื่อยมา. ดังนั้น ชาวนาจึงได้ส่งลูกชายทั้งสามคนของเค้า ให้ออกไปเฝ้าดูแลผลผลิตในไร่.
The oldest son, Barty, was very tall and very thin. The middle son, Otis, was very fat and lazy. That night he heard a scream and ran from the field.
เดอะ โอลด์เดสท์ ซัน, บาร์ตี๊, วอส เวรี่ ทอล แอนด์ เวรี่ ธิน. เดอะ มิดเดิ้ล ซัน, โอทีส, วอส เวรี่ แฟท แอนด์ เลซี่.  แดท ไนท์ ฮี เฮิร์ด อะ สะกรีม แอนด์ แรน ฟร์อม เดอะ ฟิลด์. 
  • ลูกชายคนโต, บาร์ตี๊, เค้ามีรูปร่างผอมและสูงมาก. ส่วนลูกชายคนรอง, โอทีส, เค้ามีรูปร่างอ้วนและมีนิสัยขี้เกียจ. ในคืนนั้น พวกเค้าได้ยินเสียงร้องและเสียงวิ่งออกมาจากในไร่. 
When he heard the scream, he ran from the field. The third and youngest son, Boots, was good looking. Out in the field, Boots heard the scream but did not run.
เว็น ฮี เฮิร์ด เดอะ สกรีม, ฮี แรน ฟร์อม เดอะ ฟิลด์. เดอะ เธิร์ด แอนด์ ยังเกสท์ ซัน, บู๊ทส์, วอส กู๊ด ลุ๊คกิ๊ง. เอาท์ อิน เดอะ ฟิลด์, บู๊ทส์ เฮิร์ด เดอะ สกรีม บัท ดิด น็อท รัน.
  • เมื่อพวกเค้าได้ยินเสียงร้องนั้นแล้ว, พวกเค้าก็ได้วิ่งหนีออกไปจากในไร่. บู๊ทส์, ลูกชายคนเล็ก, เค้าเป็นคนที่มีรูปร่างน่าตาดี. หลังจากได้ยินเสียงร้องออกมาจากท้องทุ่งแล้ว, บูทส์ก็ไม่ได้วิ่งหนีหายไปใหน.
Then speeding over the horizon like a comet, came a horse. A horse, so beautiful, it shone like a moon. On it back was a bronze saddle and tied to it a bronze suit of armor. The horse began eating the crops in the field. 
เด็น สปีดดิ้ง โอเวอร์ เดอะ ฮะไรเซิน ไลท์ อะ คัมมิท, เคม อะ ฮอร์ส. อะ ฮอร์ส, โซ บิวตี้ฟูล, อิท โชน ไลท์ อะ มูน. ออน อิท วอส อะ บรอนซ์ แชดเดิ้ล แอนด์ ไทด์ ทู อิท อะ บรอนซ์ ซูท ออฟ อาร์เมอะ. เดอะ ฮอร์ส บีแก๊น อีททิ่ง เดอะ คร๊อป อิน เดอะ ฟิลด์.
  • หลังจากนั้น ได้เกิดเสียงเหมือนดาวหางตกดังกังวานไปทั่วท้องทุ่ง, ม้าตัวหนึ่งได้ปรากฎตัวขึ้นมา. เจ้าม้าตัวนั้น, มันสวยสง่างามมาก, เจ้าม้ามีแสงส่องประกายระยิบระยับเหมือนกับพระจันทร์เลยทีเดียว. บนหลังของมันยังมีอานม้าทองแดงและชุดเกาะทองแดงติดมากับมันด้วย. ส่วนเจ้าม้าก็เริ่มกินผลผลิตในไร่อย่างเอร็ดอร่อย.
Boots had to stop the horse from eating his father's crops. He reached into his pocket and found a lump of sugar. The horse ate it and left.
บู๊ทส์ แฮด ทู สต๊อป เดอะ ฮอร์ส ฟร์อม อีททิ่ง ฮีส ฟาเต๊อะ คร๊อป. ฮี รี๊ด-เช็๊ด อิทู ฮีส พ๊อคเก็ท แอนด์ ฟาวน์ด อะ ลัมป์ ออฟ ซูการ์. เดอะ ฮอร์ส เอ๊ท อิท แอนด์ เล็ฟท์.
  • บู๊ทส์ตระหนักได้ว่า เค้ามีหน้าที่หยุดยั้งเจ้าม้าไม่ให้กัดกินผลผลิตในไร่. เค้าจึงล่วงมือลงไปในกระเป๋าเพื่อหาอะไรสักอย่าง และได้หยิบก้อนน้ำตาลขึ้นมายื่นให้กับเจ้าม้า. หลังจากเจ้าม้าได้กินก้อนน้ำตาลแล้ว มันก็จากไปอย่างง่ายดาย. 
But the horse left behind the bronze saddle and armor. Boots buried the things in the field. But the next year, the horse came back.
บัท เดอะ ฮอร์ส เล็ฟท์ บีฮายด์ เดอะ บรอนซ์ แชดเดิ้ล แอนด์ อาร์เมอ. บู๊ทส์ เบ-รี๊ด เดอะ ติ๊งส์ อิน เดอะ ฟิลด์. บัท เดอะ เน็คซ์ท เยียร์, เดอะ ฮอร์ส เคลม แบล็ค.
  • แต่เจ้าม้า มันไม่ได้เอาอานม้าและชุดเกาะทองแดงกลับไปด้วย. บูทส์จึงขุดหลุมฝังอานม้าและชุดเกาะไว้ในท้องทุ่งนั้น. และในปีถัดมา, เจ้าม้าก็ได้หวนกลับมาอีกครั้ง.

Only Boots stood guard. He brought sugar for the house and the horse left behind a silver saddle and a silver armor. The next year it was a gold saddle with gold armor.
โอนลี่ บู๊ทส์ สตู๊ด การ์ด. ฮี บรอท ซูการ์ ฟอร์ เดอะ ฮอร์ส แอนด์ เดอะ ฮอร์ส เล็ฟ์ท บีฮายด์ อะ ชิลเวอร์ แชดเดิ้ล แอนด์ อะ ชิลเวอร์ อาร์เมอะ. เดอะ เน็ซท์ เยียร์ อิท วอส อะ โกลด์ แชดเดิ้ล วิธ โกลด์ อาร์เมอะ.
  • ครั้งนี้ มีเพียงบูทส์เท่านั้นที่ยังคอยอยู่ดูแลสวน. เขาได้พกก้อนน้ำตาลมาให้เจ้าม้าอีกด้วย เมื่อเจ้าม้าจากไป มันก็ได้ทิ้งอานม้าเงินและชุดเกาะเงินไว้. ในปีต่อๆ มา เจ้าม้าได้ทิ้งอานม้าทองคำและชุดเกาะทองคำไว้ให้บูทส์อีกเช่นเคย.
A year later, the king said that whoever would marry his beautiful daughter must climb a glass mountain to win her.
อะ เยียร์ เลเธอร์, เดอะ คิง เซด์ แเท ฮูเอฟเวอะ วู๊ด แมรี่ ฮีส บิ๊วตี้ฟูล ดอเม๊อะ มัสท์ ไคล์บ อะ กลาส เมาน์เท็น ทู วิน เฮอร์.
  • ต่อมา, พระราชาได้ป่าวประกาศว่า ผู้ใดก็ตามที่สามารถพิชิตยอดเขาแก้วได้ ชายผู้นั้นจะได้แต่งงานกับลูกสาวแสนสวยของเค้า.
The princess sat on the mountain, with three golden apples in her lap. Whoever took the apples would win the princess and half the kingdom. Of course, everyone came to try.
เดอะ พริ้นเซส แซท ออน เดอะ เมาท์เท็น, วิธ ตรี โกล์ดเดน แอบเปิ้ล อิน เฮอร์ แลป, ฮูเอฟเวอร์ ทู๊ก เดอะ แอบเปิ้ล วู๊ด วิน เดอะ พริ้นเซส แอนด์ ฮาล์ฟ เดอะ คิงดอม. เอิฟ คอร์ซ, เอฟเวอรี่วัน เคม ทู ทาย.
  • เจ้าหญิงได้นั่งอยู่บนยอดเขาแก้ว, ในมือได้ถือแอบเปิ้ลสามลูกใว้บนตักของเธอ. ชายใดก็ตามที่สามรถนำแอบเปิ้ลลงมาจากยอดเขาได้ ก็จะได้แต่งงานกับเจ้าหญิงและได้ครอบครองอาณาจักรครึ่งหนึ่งอีกด้วย. ด้วยเหตุนี้, จึงมีผู้กล้าจากทั่วสารทิศมาร่วมการแข่งขันนี้กันอย่างมากมาย.

But none of them could climb the glass mountain without slipping back down. Barty tried and fell on his face. Otis tried and fell flat on his butt.
บัท นัน ออฟ เธ็ม คู๊ด ไคล์บ เดอะ กลาส เมาท์เท่น วิธเอ๊าท์ สลิปพิ่ง แบ๊ค ดาวท์. บาร์ตี้ ไทด์ แอนด์ เฟลล์ ออน ฮีส เฟซ. โอทีส ไทด์ แอนด์ แฟลท ออน ฮีส บ๊าทท์.
  • แต่ก็ไม่มีผู้กล้าคนใดเลย ที่จะปีนเนินเขาแก้วแล้ว จะไม่ลื่นไถลลงมาอย่างทุลักทุเล. บาร์ตี้ได้ลองปีนเขาขึ้นไป แต่เค้าก็ลื่นไถลล้มหัวขมำลงมาอย่างไม่เป็นท่า. โอทีสก็ได้ลองเช่นกัน เค้าลื่นล้มก้นกระแทกพื้นเข้าอย่างจัง.

Neither brother would let Boots try and said, "If we could not do it, how could you?" But then a rider in the bronze armor, sitting upon a bronze saddle on the most beautiful horse rode towards the glass mountain.
ไน๊เธ่อร์ บรา-เธอะ วู๊ด เลท บู๊ทส์ ทาย แอนด์ เซด, “อีฟ วี คู๊ด น็อท ดู อิท, ฮาว คู๊ด ยู?” บัท เด็น อะ ไรเดอร์ อิน บรอนซ์ อาร์เมอะ, ซิทติ่ง อัพพอน อะ บรอนซ์ แชดเดิ้ล ออน เดอะ โมสท์ บิ๊วตี้ฟูล ฮอร์ส โร๊ด ทูวาร์ด เดอะ กลาส เมาท์เท่น.
  • พี่ชายทั้งสองคน ไม่มีใครให้บูทส์ลองปีนเนินเขาแก้วเลย ต่างพูดดูถูกว่า, “ขนาดพวกเรายังปีนไม่ได้, แล้วเจ้าจะพิชิตยอดเขาได้ยังไงกันล่ะ?”  แต่ในขณะนั้นเอง อัศวินในชุดเกาะทองแดงที่นั่งอยู่บนอานม้าทองแดงก็ได้ปรากฎตัวขึ้น, ม้าของนักรบเป็นม้าสายพันธุ์ที่สวยที่สุดที่เคยได้เห็นมา เค้าได้ควบม้ามุ่งตรงไปยังยอดเขาแก้วทันที.
He got a third way up before turning back. The princess saw this and threw an apple to the rider. The horse and the rider returned for the second try. 
ฮี ก๊อท อะ เธิร์ด เวย์ อัพ บีฟอร์ เทิร์นนิ่ง แบค. เดอะ พริ้นไเซส ซอว์ ดีส แอนด์ ธูว อัน แอบเปิ้ล ทู เดอะ ไรเดอร์. เดอะ ฮอร์ส แอนด์ เดอะ ไรเดอร์ รีเทิร์น-ดึด ฟอร์ เดอะ เชคเคิ่นด์ ทาย.
  • นักรบควบม้าขึ้นไปได้แค่เสี่ยวหนึ่งของภูเขา เค้าก็ต้องตัดใจกลับลงมา. บังเอิญเจ้าหญิงได้มองเห็นก่อน เธอจึงโยนแอบเปิ้ลลูกหนึ่งให้กับนักรบหุ่มเกาะทองแดง. หลังจากนั้น นักรบจึงได้ลองพยายามควบม้าปีนเขาแก้วอีกครั้ง.
This time in silver armor on a silver saddle. The road half way up and the princess threw him the second apple.
ดีส ไทม์ อิน ชิวเวอร์ อาร์เมอะ ออน อะ ชิวเวอร์ แชดเดิ้ล โรด ฮาล์ฟ เวย์ อัพ แอนด์ เดอะ พริ้นเซส ธรู ฮิม เดอะ เชคเคิ่นด์ แอบเปิ้ล.
  • ในครั้งที่สองนี้ นักรบได้สวมชุดเกาะเงินและอานม้าเงินเช่นกัน. ครั้งนี้ เค้าสามารถควบม้าปีนไปได้แค่ครึ่งทาง และเค้ายังได้รับแอบเปิ้ลลูกที่สองจากเจ้าหญิงอีกด้วย.
On the third try, the rider was in golden armor on a golden saddle and rode all the way up the side of the glass mountain. He took the third apple and rode down with the princess behind him.
ออน เดอะ เธิร์ด ทาย, เดอะ ไรเดอร์ วอส อิน โกลเดิ่น อาร์เมอะ ออน อะ โกลเดิ่น แชดเดิ้ล แอนด์ โรด ออล เดอะ เวย์ อัพ เดอะ ไชด์ ออฟ เดอะ กลาส เมาท์เท่น. ฮี ทู๊ก เดอะ เธิร์ด แอบเปิ้ล แอนด์ โรด ดาวน์ วิธ เดอะ พริ้นเซส บีฮายด์ ฮิม.
  • ในความพยายามครั้งที่สาม, นักรบได้สวมชุดเกาะทอง อานม้าทอง และเค้าสามารถควบม้าปีนเขาได้สำเร็จจนถึงยอดเขาแก้ว นักรบเกาะทองได้รับแอบเปิ้ลลูกที่สาม และควบม้ากลับลงมาพร้อมกับเจ้าหญิงแสนสวย.

Who was this rider who had won the hand of the princess? Lo-and-behold, it was Boots! And that is how Boots came to marry the princess!
ฮู วอส ดิส ไรเดอร์ ฮู แฮด วัน เดอะ แฮนด์ ออฟ เดอะ พริ้นเซส? โล-แอนด์-บีโฮนด์, อิท วอส บู๊ทส์! แอนด์ แดท อีส ฮวาบู๊ทส์ แคมทู แมรี่ เดอะ พริ้นเซส!
  • นักรบที่เก่งกาจคนนี้คือใครกันน่ะ? เซอร์ไพรส์, เค้าคือบูทส์นั้นเอง! และทั้งหมดนี้ก็คือ เรื่องราวของบูทส์กับเจ้าหญิงแสนสวย พวกเค้าพบรักและแต่งงานกันได้อย่างไร. 

ขอขอบคุณเนื้อหานิทานภาษาอังกฤษและภาพประกอบจาก: เว็ปไซต์ Bed time story. ^^

ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

USA prenatal care & check up! ตั้งครรภ์ในอเมริกา ฝากครรภ์กี่เดือน ควรฝากตอนใหน?

การฝากครรภ์   คืออะไร ? การฝากครรภ์  (Prenatal care)  คือ การตรวจสุขภาพเป็นระยะ   ตั้งแต่รู้ตัวว่าตั้งครรภ์จนกระทั่งถึงวันคลอด   โดยคุณหมอจะคอยตรวจความเรียบร้อยเกี่ยวกับสุขภาพของคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ สิ่งที่คุณแม่ต้องได้รับการตรวจในช่วงการฝากครรภ์ มีดังนี้ ยืนยันการตั้งครรภ์   รวมถึงตรวจอายุครรภ์จากรอบประจำเดือนล่าสุด ซักประวัติ  คุณหมอ จะถามเรื่องทั่วไป   เช่น   เคยตั้งครรภ์มาก่อนไหม   มีโรคประจำตัวหรือเปล่า   ยาที่ใช้ประจำ   เป็นต้น ตรวจร่างกาย   แบ่งเป็นสองส่วนหลักๆ   ส่วนแรกคือตรวจทั่วไป   เช่น   วัดความดัน   ชั่งน้ำหนัก   ส่วนสูง   ตรวจการทำงานของปอด   อีกส่วนคือการตรวจภายใน   ซึ่งใช้เวลาสั้นๆ   แต่สามารถเช็คความผิดปกติได้ทั้งรังไข่   ท่อนำรังไข่   ช่องคลอด   รวมถึงมะเร็งปากมดลูก   ที่สำคัญคือไม่เจ็บ ตรวจเลือด   เปรียบเสมือนการสกรีนร่างกาย   เพราะเลือดสามารถบอกค่าต่างๆ   ในร่างกายได้เป็นภาพกว้าง   เช่น  ไขมัน  เบาหวาน...

นิทานเรื่อง เพื่อนรักต่างพันธุ์ (A Special Friendship)

In a village, there was a boy named “Bob” who lived with his mother in a small house. Every day after class, Bob went into the forest to pick up woods with his mother. อิน อะ วิลเลจ, แธร์ วอส อะ บอย เนม-มึด “ป๊อบ” ฮู ลิฟ-ดึด วิธ ฮีส ม๊าเตอร์ อิน อะ สมอลล์ เฮาส์. เอฟเวอรี่ เดย์ อาฟเตอร์ คลาส, ป๊อบ เว็นท์ อินทู เดอะ ฟอเรสท์ ทู พิค อัฟ วูดส์ วิธ ฮิส ม๊าเตอร์. ณ หมู่บ้านแห่งหนึ่ง, มีเด็กชายคนหนึ่ง เค้ามีชื่อว่า “ป๊อบ” เขาได้อาศัยอยู่กับมารดาในบ้านหลังน้อยๆ หลังหนึ่ง. ในทุกๆ วัน หลังจากเลิกเรียนแล้ว, ป๊อบมักจะเข้าไปในป่า เพื่อหาฟืนกับแม่ของเค้า. One day, on the way to the forest, Bob found a homeless puppy by the road. He looked so sad and miserable. Seeing how hungry the puppy was, Bob decided to bring him home to take care of him. วัน เดย์, ออน เดอะ เวย์ ทู เดอะ ฟอเรสท์, ป๊อบ ฟาวด์ อะ โฮมเลส พัพพี่ บาย เดอะ โรด. ฮี ลุ๊ค โซ แซด แอนด์ มิสราเบิ้ล. ซียิ้ง ฮาว ฮังกรี เดอะ พัพพี่ วอส, ป๊อบ ดีซาย-ดึด ทู บริง ฮิม โฮม ทู เทค แคร์ ออฟ ฮิม. อยู่มาวันนึง, ในระหว่างทางเดินเข้าไปในป่านั้น, ป๊อบได้เจอกั...

นิทานสองภาษาเรื่อง “เจ้าป่าจอมตะกละและกระต่ายป่าผู้ชาญฉลาด (The lion and the hare)

Once upon a time, there was a dense forest, where had lots of animals and birds living it. วันซ์ อัพพอน อะ ไทม์, แธร์ วอส อะ เดนส์ ฟอร์เรส, แวร์ แฮด ลอท ออฟ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟวิ่ง อิท. กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว, มีป่าหนาทึบอยู่แห่งหนึ่ง, ที่ซึ่งเต็มไปด้วยสัตว์ป่าและนกต่างๆ นานาชนิด อาศัยอยู่ในนั้น. All the animals and birds lived in perfect harmony. No bigger animal or bird ever killed a smaller one for food. ออล เดอะ แอนนิมอล แอนด์ เบิร์ด ลิฟต์-ดึด อิน เพอเฟคท์ ฮาร์มโมนี่. โน บิ๊กเกอร์ แอนนิมอล ออร์ เบิร์ด เอฟเวอร์ คิว-ดึด อะ สมอลเลอร์ วัน ฟอร์ ฟู๊ด. เหล่าสัตว์ป่าและนกนานาชนิด ต่างอาศัยอยู่ด้วยกันอย่างผาสุข. ไม่มีสัตว์ใหญ่นักล่าไล่ฆ่าสัตว์ตัวเล็กๆ เป็นอาหารเลย หรือแม้กระทั่งพวกนกนักฆ่าเอง ก็ไม่ล่าอาหารเช่นกัน. However, there was one exception, and that was the king of the jungle- an evil lion. The lion hunted around the forest at all times and killed animals for food. ฮาวเอฟเวอร์, แธร์ วอส วัน เอ็กเซ็บชั่น, แอนด์ แธท วอส เดอะ คิง ออฟ เดอะ จังเกิ้ล- อัน อีวิ้ว ไลออน. เดอะ ไลออน ฮัน...

ชิลี่ (Classic Chili) อเมริกัน จานเผ็ด!

ชิลี่ (Chili) อาหารสุดคลาสสิคจานเผ็ดจานด่วนของชาวอเมริกัน  หรือเรียกเต็มๆ ยศว่า “อเมริกันชิลี่ (American Chili)”  “ชิลี่” (Chili) แปลง่ายๆ ตรงๆ ว่า "พริก" นี่แหละจร้าา ไม่ต้องโต๊ด!   “ชิลี่” เป็นอาหารจานหนึ่งของชาวอเมริกัน ที่มีรสเผ็ดนำ โดดเด่น เผ็ดดุ สำหรับฝรั่งเท่านั้นนะจ๊ะ ไม่นับคนเอเชียอย่างเราๆ หึหึ เผ็ดอนุบาลยังเรียกน้องจ๊ะ! “ชิลี่” มีลักษณะคล้ายๆ กับ “น้ำพริกอ่อง” บ้านเรา ต่างกันตรงที่มี “เมล็ดถั่วแดง” เป็นส่วนผสม ต้มให้นุ่ม แต่ไม่เปื่อยยุ่ยมากนัก มีรสเผ็ดออกมันๆ อมเปรี้ยวนิดๆ โปรตีนเน้นๆ อ่ะ! เริ่มงงกันแล้วสิ ชิมิ ^^ “ชิลี่” นิยมทำเป็นอาหารมื้อค่ำ เพราะว่าสะดวก วัถตุดิบหาง่าย ทำง่าย ใช้เวลาตุ๋นไม่นาน “หัวหอมใหญ่” สิ่งเดียวเท่านั้นที่ต้องเตรียม! “ชิลี่” ท๊อปปิ้งสุดฮิต เพื่อเพิ่มความอร่อยมากยิ่งขึ้น เชดดาร์ชีสขูดฝอย (shredded cheddar cheese) ซาวครีม/ครีมเปรี้ยว (sour cream) ต้นหอมซอย (sliced green onions) แครกเกอร์ชนิดเค็ม (saltine crackers) อะโวคาโดหั่นลูกเต๋า (diced avocado) หลังจากแกะสูตรจากพี่กลู (กลูเกิ้ล) ฝึกทำ “ชิลี่” ลองผิดลองถูกมาก็หลายครั้งหลายคราว จน...